MBK Group

TH EN
Job Opportunity  Home

Latest News

 

Blossom and Spice Tea Blending Workshop

 Back

เอ็ม บี เค เรียล เอสเตท ชวน ‘มิ้นท์ - อรรถวดี จิรมณีกุล' และ 'ปุ๊กลุก - ทัชชารตี ณ ระนอง' ร่วมเวิร์คช็อป 'Blossom and Spice Tea Blending Workshop' สร้างสรรค์ชาสูตรคลาสสิกพิเศษเฉพาะตัว การเบลนด์ชาให้มีรสชาติละมุน และมีลักษณะเฉพาะตัวนั้นต้องอาศัยวัตถุดิบชั้นดีและความชำนาญในเรื่องชาและสมุนไพรต่างๆ ดังนั้น การเบลนด์ชาจึงเป็นศิลปะและวัฒนธรรมตกทอดมายาวนานที่ละเมียดละไม อีกทั้งสามารถสะท้อนอารมณ์และตัวตนของผู้เบลนด์ชาได้อีกด้วย เอ็ม บี เค เรียล เอสเตท กลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในเครือเอ็ม บี เค กรุ๊ป จึงร่วมกับ Tea Specialist คิดค้นชาสูตรพิเศษที่เบลนด์ขึ้นใหม่เพื่อสะท้อนแนวคิด 'Pride and Pleasure of Your Valued Living' ซึ่งเป็นหลักการสำคัญในการสร้างที่อยู่อาศัยเพื่อผู้บริโภคของ เอ็ม บี เค เรียล เอสเตท พร้อมสร้างประสบการณ์อบอุ่นที่อบอวลด้วยกลิ่นหอมของชานานาพันธุ์ ด้วยกิจกรรมเวิร์คช็อป 'Blossom and Spice Tea Blending Workshop' เพื่อแบ่งปันฮาว-ทูการเบลนด์ชา ที่ต้องเริ่มตั้งแต่การเลือกสรรส่วนผสมจากสมุนไพรและใบชาชั้นยอด เพื่อรังสรรค์เป็นชาสูตรเฉพาะที่มีกลิ่นและรสตามคาแรคเตอร์ของแต่ละคน พร้อมเชิญเซเลบริตี้สาวสวยอย่าง คุณมิ้นท์ - อรรถวดี จิรมณีกุล และ คุณปุ๊กลุก - ทัชชารตี ณ ระนอง' มาร่วมพูดคุยถึงไลฟ์สไตล์ในการเลือกดื่มชา ณ ร้าน Chibi Chibi – Cafe & Atelier

คุณณัฐกาณจน์ ภุมารินธนกาญน์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดกลาง บริษัท เอ็ม บี เค เรียล เอสเตท จำกัด กล่าวว่า "เอ็ม บี เค เรียล เอสเตท เป็นกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในเครือ เอ็ม บี เค กรุ๊ป ที่มีความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อย่างครบวงจร เราทำงานภายใต้แนวคิด 'Pride and Pleasure of Your Valued Living' โดยเน้นการออกแบบโครงการอย่างมีเอกลักษณ์ ทุกฟังก์ชั่นผ่านกระบวนการวิเคราะห์วิจัยรูปแบบการใช้ชีวิตของผู้อยู่อาศัยอย่างครบถ้วน พร้อมให้การบริการที่ดูแลเอาใจใส่ เพื่อให้เกิดบรรยากาศแห่งความสุขอย่างแท้จริงสำหรับทุกครอบครัว เรามองว่าการเบลนด์ชาขึ้นมาหนึ่งรสชาติให้ได้ความกลมกล่อมละมุนละไมนั้น ก็เหมือนการสร้างบ้านที่ต้องอาศัยทั้งการผสมผสานงานศิลปะการตกแต่งออกแบบให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของผู้ที่อยู่อาศัย ให้กลมกลืนเข้ากับฟังก์ชั่นการใช้งานของตัวบ้านและสิ่งแวดล้อมในโครงการซึ่งจะหลอมรวมให้เกิดบรรยากาศที่สะท้อนความเป็นตัวตนของผู้อยู่อาศัยได้อย่างลงตัว"

"ในงานนี้ เราสร้างสรรค์ชาสูตรพิเศษที่เป็น Signature ของเอ็ม บี เค เรียล เอสเตท โดยนำส่วนผสมหลักอย่างชาแดงมาเบลนด์กับน้ำมันมะกรูด ซึ่งจะได้รสชาติพื้นฐานเป็นชาเอิร์ลเกรย์ เติมกลิ่นเย็นสดชื่นด้วยเปปเปอร์มินต์ และเพิ่มเอกลักษณ์ของชาด้วยการผสมมะตูมแห้ง เพื่อให้ชามีรสชาติหวานละมุนแบบธรรมชาติ สื่อถึงความอบอุ่นและเป็นมิตร ซึ่งสอดคล้องกับคาแรคเตอร์ของเอ็ม บี เค เรียล เอสเตท ที่ใส่ใจในทุกรายละเอียดของการออกแบบ เพื่อมอบความภาคภูมิใจและความสุขในการใช้ชีวิตให้กับผู้อยู่อาศัย" คุณณัฐกาณจน์ กล่าวเพิ่มเติม

ด้าน คุณบุษปา กีรติไกรนนท์ Tea Specialist และเจ้าของแบรนด์ชา Mali Alteli กล่าวว่า "ชาที่เราดื่ม ได้แก่ ชาขาว ชาเหลือง ชาเขียว ชาอู่หลง ชาแดง และชาดำ ล้วนมาจากสายพันธุ์เดียวกันทั้งหมด แต่แตกต่างที่กระบวนการผลิต จึงทำให้รสชาติและกลิ่นของชาแต่ละชนิดมีความต่างกัน สำหรับกิจกรรม 'Blossom and Spice Tea Blending Workshop' ครั้งนี้ เราได้แบ่งปันวิธีการเบลนด์ชาและการคัดเลือกวัตถุดิบจากสมุนไพรนานาชนิด เพื่อสร้างสรรค์ชาสูตรเฉพาะที่มีกลิ่นและรสชาติตามคาแรคเตอร์ของตนเอง โดยเริ่มจากการเลือกชาและสมุนไพรหรือกลิ่นดอกไม้ที่ชอบก่อน แนะนำให้ใช้ชาอู่หลงหรือชาแดง เนื่องจากชาทั้งสองชนิดนี้มีรสชาติที่ไม่ขัดแย้งกับวัตถุดิบอื่น และควรเบลนด์ส่วนผสมต่างๆ ทีละน้อย แล้วลองลิ้มชิมรสจนกว่าเราจะรู้สึกพอใจ เพราะการเบลนด์ชาไม่มีสูตรตายตัวขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละบุคคล ซึ่งชาแต่ละชนิดมีประโยชน์ในตัวเองอยู่แล้ว อาทิ ช่วยป้องกันมะเร็ง บำรุงหัวใจ ช่วยเผาผลาญพลังงาน ลดคลอเลสเตอรอล เป็นต้น ดังนั้น หากเราเลือกใบชาที่ชอบมาเบลนด์เข้ากับสมุนไพรก็สามารถเสกชาที่มีสรรพคุณได้ดังใจ เช่น ผสมดอกลาเวนเดอร์หรือกุหลาบ ช่วยบำรุงระบบหมุนเวียนโลหิต พร้อมทั้งคลายเครียด หากใครหลับยาก เบลนด์ชากับดอกคาโมมายล์หรือดอกหอมหมื่นลี้ ช่วยให้ผ่อนคลายและหลับสบาย หรือเลือกผสมอัญชัญก็จะช่วยบำรุงสายตาและเพิ่มภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย ชาผสมใบเตย ช่วยลดไข้ บำรุงผิวและแก้ท้องผูก ส่วนชาผสมตะไคร้ ช่วยขับลมและแก้คลื่นไส้ เคล็ดลับอีกหนึ่งอย่าง คือ ควรสกัดชาที่เบลนด์แล้วในอุณหภูมิน้ำร้อนประมาณ 95 องศาเซลเซียส เพราะจะได้ชาที่มีรสชาติดี สำหรับมือใหม่หัดเบลนด์ สัดส่วนใบชาและสมุนไพรที่แนะนำคือ ใบชา 3 ส่วน ต่อสมุนไพร 1 ส่วน"

ขณะที่เซเลบริตี้สาวสวยเสียงดีอย่าง คุณมิ้นท์ - อรรถวดี จิรมณีกุล เผยถึงไลฟ์สไตล์ในการดื่มชาว่า "ส่วนตัวเป็นคนที่ปวดท้องบ่อย จึงชอบดื่มชาเปปเปอร์มินต์หลังมื้ออาหาร เพราะช่วยย่อยและขับลม ทำให้รู้สึกสบายท้อง อีกทั้งเป็นคนชอบออกกำลังกายเวลาอยู่บ้าน อาทิ เล่นโยคะ วิ่ง และต่อยมวย จึงต้องเติมความสดชื่นและความกระปรี่กระเปร่าด้วยการดื่มชา รวมถึงยังใช้ชาสร้างความรื่นรมย์ภายในบ้านหลังมื้ออาหารกลางวันด้วยการจัด High Tea Party ซึ่งมิ้นท์จะเลือกเสิร์ฟชาเบลนด์รสชาติดี พร้อมของว่างอร่อยๆ ให้แก่คนในครอบครัว"

ด้าน คุณปุ๊กลุก - ทัชชารตี ณ ระนอง เผยว่า "ชอบดื่มชาที่มีกลิ่นหอม เช่น ชาอิงลิชเบรกฟาสต์ ชาเอิร์ลเกรย์ รวมถึงชากลิ่นผลไม้ต่างๆ โดยส่วนตัวจะดื่มชาในช่วงเวลาบ่าย เพราะการดื่มชาช่วงเวลานั้นทำให้รู้สึกสดชื่นขึ้น ยิ่งถ้าได้จัดเป็น Afternoon Tea Party ด้วยจะยิ่งดี ซึ่งเคล็ดลับการจัดปาร์ตี้ชาง่ายๆ ของปุ๊กลุก คือ เราควรกำหนดรูปแบบงานให้ชัดเจนก่อน ลำดับถัดไปควรจัดเตรียมอุปกรณ์ภาชนะที่มีลวดลายสวยงามและเข้ากันเป็นชุด หรืออาจใช้ลวดลายและสีสันที่ตัดกันอย่างตั้งใจแต่สามารถไปด้วยกันได้ อีกทั้งควรเตรียมขนมหลากหลายเมนูวางเสิร์ฟให้ดูเต็มโต๊ะแต่ไม่รก รวมถึงควรตกแต่งสถานที่ให้ไปในทิศทางเดียวกันกับรูปแบบงาน เช่น หากอยากได้บรรยากาศที่ดูหรูหรา อาจประดับตกแต่งงานด้วยดอกไม้ รวมถึงการเลือกใช้เฉดสี เช่น สีทอง สีเงิน หรือกากเพชร จะสามารถช่วยสร้างบรรยากาศของงานให้ดูหรูหราขึ้นได้"

Did You Know: เรื่องชาน่ารู้ โดยคุณบุษปา Tea Specialist

  • การปรับระดับคาเฟอีนในชาด้วยวิธีชงที่ถูกต้อง
  • การดื่มชาในยามเช้า ช่วยให้ร่างกายกระปรี้กระเปร่า ตื่นตัว พร้อมรับวันใหม่ แต่สำหรับใครที่เซนซิทีฟกับคาเฟอีน ต้องระวังการดื่มชาในตอนเช้าเป็นพิเศษ เพราะอาจเกิดอาการใจสั่น วิงเวียน จนอยากอาเจียนได้ ถ้าต้องดื่มจริงๆ แนะนำให้ดื่มพร้อมกับการรับประทานอาหาร หรือเลือกดื่มหลังมื้ออาหาร จะปลอดภัยจากอาการมึนงง นอกจากนี้อุณหภูมิและระยะเวลาในการชงก็มีผลต่อปริมาณคาเฟอีนได้ หากไม่ต้องการคาเฟอีนปริมาณสูง ให้เลือกเป็นชาเขียวหรือชาขาว แล้วชงในน้ำอุณหภูมิไม่เกิน 95 องศา และแช่ใบชาไว้ไม่เกิน 4 นาที

  • ประชุมยาวไป ดื่มชาสมุนไพรให้สดชื่นกันดีกว่า
  • สำหรับหนุ่มสาวออฟฟิศ เวลาต้องประชุมยาวๆ ต้องมีบ้างที่เหนื่อยล้า ตึงไหล่ ลามไปปวดหัว จะกระตุ้นด้วยกาแฟก็อาจจะหนักไปหน่อย Tea Specialist ของเราขอแนะนำชาที่เบลนด์กับสมุนไพร เช่น ตะไคร้ ขิง หรือมะนาว จิบแล้วรับรองว่าสมองจะปลอดโปร่ง อารมณ์แจ่มใส ดึงพลังสร้างสรรค์กลับมาทันที

  • ผสมชาเป็นเครื่องดื่มเก๋ๆ สำหรับคอปาร์ตี้
  • ลืมภาพจิบชายามบ่ายกับสโคนไปก่อน แล้วนำชามาผสมเป็นม็อกเทลหรือค็อกเทลสำหรับปาร์ตี้ยามค่ำคืนก็เก๋ไก๋ไม่น้อย ทั้งง่ายและดูมีสไตล์ด้วยนะ วิธีทำเริ่มจากเลือกใบชามาสักหนึ่งชนิด ชงให้แก่หน่อยเพราะเราจะทำเป็นเครื่องดื่มเย็น จากนั้นผสมด้วยผลไม้รสเปรี้ยว ตระกูลเบอร์รี่ หรือผลไม้ที่หาง่ายๆ ตามฤดูกาล เตรียมแก้วใส่น้ำแข็ง ตกแต่งด้วยสมุนไพรทรงสวย เช่น ใบมินต์ หรือโรสแมรี่ ใครทานแอลกอฮอล์ได้ ก็เติมชนิดที่ชอบลงหน่อย แนะนำเป็นจิน วอดก้าหรือรัม รับลองว่าถูกใจทั้งคนชิมและคนชงแน่นอน